วันที่ 2-4 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ณ ห้องประชุม พญาไท 1-3 โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท
ประเภท | ลงทะเบียนก่อน 20 มิ.ย. 68 | ลงทะเบียนตั้งแต่ 20 มิ.ย. 68 |
---|---|---|
สมาชิก | 5,200 บาท | 6,000 บาท |
บุคคลทั่วไป | 5,500 บาท | 6,000 บาท |
ได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ได้ดำเนินการตามข้อบังคับของสมาคมพัฒนาและพฤติกรรมเด็ก โดยมี สำนักงานใหญ่อยู่ที่ อาคารทีปังกรรัศมีโชติ ร.พ.วชิรพยาบาล คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เลขที่ 681 ถนนสามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 คณะกรรมการก่อตั้งสมาคม เป็นคณะกรรมการชุดเดิมจากชมรมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก รุ่นที่ 6 โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี
สมาคมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็กมีจุดเริ่มต้นมาจากชมรมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก ที่ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 โดย รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง นิตยา คชภักดี และดำรงตำแหน่งเป็นประธานชมรมท่านแรก การก่อตั้งในครั้งนั้นได้รวบรวมผู้ที่สนใจงานด้านพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน มีกิจกรรมที่ดำเนินการตามวิสัยทัศน์และพันธกิจของชมรม ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติอย่างมากมาย
ปัจจุบันสมาคมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ทั้งสมาชิกสามัญและวิสามัญอันประกอบด้วย กุมารแพทย์อนุสาขาพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก กุมารแพทย์ทั่วไป แพทย์ทั่วไป สหสาขาวิชาชีพ และผู้สนใจในงานด้านพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก และยังคงดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ทางด้านวิชาการเพื่อประโยชน์ต่อสังคม สืบสานปณิธานการจัดตั้งชมรมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็กของ รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง นิตยา คชภักดี ต่อไป
ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการผ่านการฝึกอบรมเป็นหมอเด็กทั่วไป แล้วศึกษาต่อเพิ่มเติม เพื่อให้มีความชำนาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรมของเด็กทุกช่วงวัย ซึ่งเกี่ยวข้องกับเด็กปกติและเด็กที่มีปัญหา พัฒนาการ พฤติกรรม และการเจริญเติบโตที่แตกต่างไปจากเด็กปกติทั่วไป โดยการดูแลเด็กในกลุ่มที่มีปัญหาด้านการเจริญเติบโตแตกต่างไปจากเด็กปกติ จะเป็นเด็กกลุ่มที่ไม่มีความผิดปกติเชิงระบบร่วมกับความเจ็บป่วยอื่น ส่วนเด็กกลุ่มที่มีปัญหาด้านการเจริญเติบโตที่มีความผิดปกติหรือความเจ็บป่วยร่วมกับโรคของระบบร่างกายอื่น อาจต้องรับการตรวจวินิจฉัยและดูแลรักษาร่วมกับกุมารแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสาขาอื่น นอกจากหมอพัฒนาการเด็กมีบทบาทหลักในการดูแลรักษาเด็กทั้งในกลุ่มที่มีสุขภาพดี เพื่อการส่งเสริมป้องกัน แล้ว ยังให้การดูแลเด็กกลุ่มที่มีความผิดปกติซึ่งเป็นปัญหาพบบ่อยในทางคลินิก ได้แก่
• ปัญหาการเจริญเติบโต เช่น เด็กตัวเตี้ย (Short stature) จากสาเหตุต่าง ๆ ภาวะ น้ำหนักน้อย หรือโรคอ้วน เป็นต้น
• ปัญหาพัฒนาการ เช่น พูดช้า (Delayed speech) ปัญหาพัฒนาการทางภาษา (Developmental language disorder ) กลุ่มอาการออทิซึม (Autism spectrum disorder) ภาวะสมองพิการหรือความผิดปกติของการทำงานประสานกันของกล้าม เนื้อ (Cerebral palsy and motor coordination) พิการทางกาย เช่น การได้ยินผิดปกติและภาวะความบกพร่องทางสติปัญญา ความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น Down syndrome, Fragile X syndrome, Williams syndrome และ Prader Willi syndrome พัฒนาการในเด็กคลอดก่อนกำหนด ภาวะซน สมาธิสั้น ปัญหาการเรียน เด็กที่มีความเป็นเลิศทางปัญญา ภาวะปัสสาวะรดที่นอน ภาวะอุจจาระเล็ด เป็นต้น
• ปัญหาพฤติกรรมและการเลี้ยงดู เช่น การกิน การนอน การขับถ่าย การร้อง อาละวาด การร้องโคลิค ปัญหาพฤติกรรมอื่นๆ ปัญหาพฤติกรรมที่เกิดจากการขาดการฝึกวินัยในเด็ก เป็นต้น
แน่นอนว่าบางครั้งเด็กดูเหมือนสนใจ ยิ้ม หัวเราะ แต่หากเด็กดูวีซีดีอย่างเดียว โดยไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก ก็เปรียบเหมือนการสื่อสารทางเดียว เด็กไม่ได้เรียนรู้การสื่อสารออกไปหรือการตอบรับ ถ้ามากเข้าเด็กอาจเคยชินกับการอยู่กับตัวเอง ไม่ตอบสนองอารมณ์ ความรู้สึกของผุ้อื่น รวมถึงพัฒนาการทางภาษา การใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน
เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการไปในทิศทางเดียวกันและเป็นขั้นเป็นตอน หากแต่ช้าเร็วต่างกัน ขึ้นกับ ตัวเด็กเอง สิ่งแวดล้อมและการเลี้ยงดู การนำเด็กไปยังศูนย์ฝึกพัฒนาการเด็กทั้งหลาย สิ่งที่ต้องคำนึง คืออายุของเด็กด้วย หากเด็กยังเล็กแต่ไปเน้นกิจกรรมที่เกินความสามารถของวัยนั้น แทนที่จะเป็นการกระตุ้นให้เด็กพัฒนาได้เร็ว กลับเป็นการสร้างความกดดันกับเด็ก เกิดความเบื่อหน่ายมากกว่า พาลจะมีปัญหาทางด้านอารมณ์ และสังคมตามมา อย่างไรก็ตามถ้าพ่อแม่เล็งเห็นว่าอยู่ที่บ้านก็ไม่สะดวกในการเล่นกับเด็ก ไม่มีผู่ใหญ่คอยดูแล เล่นด้วย การไปตามศุนย์ฝึกพ่อแม่ก็อาจ ได้รับคำแนะนำดีๆในการเล่นกับเด็กได้ เพราะสุดท้ายคนที่จะฝึกเด็กและเล่นกับเด็กได้สนุกจริงๆคือ พ่อแม่
ก่อนอื่นต้องเข้าใจพัฒนาการของเด็กวัย 3 เดือน คือเริ่มสนใจหน้าคนและจำแม่ได้, มองเวลาคุยด้วย และหันหาเสียง,รู้จักสิ่งที่คุ้นเคย, ปัดป่ายคว้าของแต่ยังไม่ถูกดี, กำของได้,นอนคว่ำยกคอได้ ของเล่นที่เหมาะ กับพัฒนาการ ได้แก่ โมบายล์, ตุ๊กตานุ่มๆ, กระจกเด็กเล่น, กรุ๋งกริ๋ง หรือของเล่นที่เขย่ามีเสียงได้ เป็นต้น
พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อของเด็กที่เป็นสากล คือ พัฒนาจากศีรษะจดเท้า จากกลางตัวออกไปสู่ส่วนปลาย แต่ความช้าเร็วของพัฒนาการ แตกต่างกัน ซึ่งในกรณีนี้อาจมี 2 สาเหตุ ได้แก่ เด็กไม่ยอมคลานเองซึ่งมีบ้างที่เด็กบางคนจากนั่งทรงตัวเองได้ ก็เกาะยืนและเดินได้ โดยไม่ยอมคลาน ซึ่งไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด ลองดูว่าคุณอุ้มเขามากไปหรือไม่ทำให้เด็กไม่ต้องใชความพยายามใดๆ หรือ เด็กไม่สามารถทำได้จริงๆพ่อแม่อาจดู พัฒนาการด้านกล้ามเนื้ออื่นๆว่าอยู่ระดับไหน เช่น การพลิกคว่ำหงาย การนั่งทรงตัวได้เอง หรืออาจลองวางของเล่นไว้ใกล้พอที่เด็กจะเขยิบตัวมาเอาได้ ถ้าเด็กดูหงุดหงิดมากและดูเหมือนทำไม่ได้เลย อาจต้องปรึกษากุมารแพทย์
การจะฝึกทักษะในการให้เด็กไม่ขี้อายหรือคุ้นเคยกับคนอื่นๆมีหลายวิธี เช่น เริ่มต้นให้เด็กเข้าสังคมของนสนิท ญาติพี่น้องกลุ่มเล็กๆก่อน ไม่ต้องดุว่าถ้าเด็กแสดงท่าทีเขินอาย นอกจากนั้นพ่อแม่และครูอาจต้องยอมรับในความแตกต่างของเด็กแต่ละคน มองความขี้อายในทางบวก เช่น เกรงใจคนหรือเป็นคนระมัดระวังตัว เป็นต้น เด็กบางคนก็ต้องการเวลาในการทำความคุ้นเคยกับสถานที่หรือบุคคลที่แปลกใหม่
อยากให้คุณแม่ลองพิจารณาสถานการณืเหล่านี้ในบ้านนะค่ะ เช่น มีใครคนใดคนหนึ่งได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษหรือไม่ มีการบังคับ ให้พี่ต้องแบ่งให้น้องตลอดเวลาหรือไม่ คุณแม่ควรลองมานั่งคุยกับเด็ฏทั้ง 2 ในช่วงเวลาที่สงบ ไม่มีความโกรธอยู่ว่าจะเล่นกันอย่างไรดี ถ้าเราถูกแย่งของเล่นเราจะรู้สึกอย่างไร ดูว่าเด็กจะตอบว่าอย่างไร คุณแม่เองก็ไม่ควรตัดสินว่าใครผิดถูก ควรให้เด็กทั้งสองคนรับผลของการกระทำ ของตนเองทั้งคู่
Once you enroll in a course, you'll have unlimited access to the course materials for as long as the course is available on our platform.
หนังสือนิทาน "ผจญภัยในป่าฮาลาบาลา" เป็นนิทานที่พัฒนาขึ้นโดย ผศ.นพ.เทอดพงศ์ ทองศรีราช คณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานคริทร์ นอกจากเนื้อเรื่องจะสนุกสนานแล้ว ยังสามารถใช้ประเมินทักษะพื้นฐานด้านการอ่านของเด็กผ่านทางกิจกรรมในเล่ม นิทานเล่มนี้เหมาะกับเด็ก 4-6 ปี ก่อนเล่าแนะนะให้พ่อแม่อ่านคำแนะนำการใช้ท้ายเล่มเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดนะครับ
วันที่ 10 - 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2567
ณ ห้องประชุม สุรศักดิ์ 1 และ 2 โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร